ความสะอาดของร่างกายของสุนัขย่อมนำมาซึ่งสุขภาพที่แข็งแรง จิตใจเบิกบาน
น่าอุ้ม น่าเล่น และน่าเลี้ยงแต่เนื่องจากสุนัขนั้นแพ้ต่อการเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ
โดยเฉพาะโรคปอดบวมเป็นไปได้ง่ายและการอาบน้ำบ่อย จะล้างเอาไขมันที่เคลือบเส้นขนและผิวหนังออก
ทำให้ขนและผิวหนังแห้ง เกิดอาการคันสุนัขจะกัดและเกา ทำให้เกิดแผล
ปัญหาเกิดขึ้นว่า ควรจะอาบน้ำแก่สุนัขอย่างไร บ่อยแค่ไหน ลูกสุนัขไม่ควรอาบน้ำให้เลยถ้าไม่จำเป็นจริง
ๆ อาจจะใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดให้แห้ง เช็ดความสกปรก หรือใช้แปรงและหวีขนบ่อยๆ
ก็รักษาความสะอาดได้โดยไม่ต้องอาบน้ำ หรือจะอาบนน้ำก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าสุนัขมีกลิ่น
ปกติแล้วเราจาเริ่มอาบน้ำให้สุนัขเมื่อลูกสุนัขอายุตั้งแต่ 3
เดือนขึ้นไปแต่หากว่าลูกสุนัขมาจากที่อื่นควรพิจารณาว่าสกปรกแค่ไหน
สุขภาพแข็งแรงหรือไม่เห็บหมัดมากน้อยเพียงใดหากอยู่ในเกณฑ์พอสมควรเป็นไปได้
ก็ให้รีบอาบน้ำเสีย เพื่อป้องกันการระบาดของโรค เห็บหมัด และรักษาโรคผิวหนังไปพร้อมๆ
กับทำความสะอาดตัวสุนัขไปด้วยสำหรับสุนัขที่โตแล้วสามารถอาบได้ทุก
ๆ 1 -2 สัปดาห์ต่อครั้ง หรือเมื่อเห็นว่าเนื้อตัวสกปรก
การอาบน้ำควรอาบในเวลากลางวันที่มีแสงแดดไม่ออกหนาวแต่ไม่ใช่กลางแดดจัด
ควรเป็นแดดอ่อนพอสมควร สามรถผึ่งให้แห้งหลังอาบนน้ำเสร็จ สบู่ที่ใช้อาบควรใช่สบู่
หรือแชมพูที่ผลิตมาเพื่อสุนัขโดยเฉพาะ ไม่ควรใช่สบู่กรด สบู่ล้างจาน
ผงซักฟอก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคือง หรืออักเสบที่ผิวหนัง
ระวังสบู่เข้าตาสุนัข และน้ำเข้าหู อาจจะใช้สำลีอุดรูหูทั้งสองข้าง
พร้อมกับใช้มือกดใบหูให้หุบลง เพื่อปิดรูหูป้องกันน้ำเข้า
การอาบน้ำควรจะราดน้ำให้เปียกตัวสุนัขก่อนแล้วจึงใช้แชมพูหรือสบู่ให้ทั่วตัว
สบู่บางชนิดมีคำแนะนำให้ทิ้งไว้นานเท่าใดเพื่อฆ่าเชื้อโรคก็ให้ปฏิบัติตามนั้น
จากนั้นก็จะต้องล้างสบู่ออกให้หมดจนสะอาดทั้งตัว เอาสำลีที่อุดหูออก
หลังการอาบน้ำแล้วต้องเช็ดตัวให้แห้ง พร้อมกับแปรงขนทุกรั้ง
เพื่อป้องกันขนพันกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุนัขพันธุ์ที่ขนยาวทั้งหลาย
เช่น พุดเดิ้ล เทอร์เรีย หรือแม้แต่กับสุนัขขนสั้นก็ต้องแปรงด้วยเช่นกัน
การเช็ดตัวจนแห้งสนิทเป็นการป้องกันความอับชื้น ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อร่า
และโรคปอดบวมได้
|