มาตรฐาน ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค.
2536
การจัดหมู่ของ FCI: กลุ่ม 5 ประเภทสปิตซ์และพันธุ์ดั้งเดิม
หมู่ 7 ประเภทดั้งเดิมขสุนัขล่าสัตว์ไม่มีการทดสอบการทำงาน
ปัจจุบัน Thai Kennel จัดให้อยู่ใน Hound Group
สรุปประวัติโดยย่อ: สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเป็นสุนัขพันธุ์เก่าพันธุ์หนึ่ง
ซึ่งสามารถ พบเห็นได้จากบันทึกโบราณที่เขียนในประเทศไทย
เมื่อราว 350 ปีมาแล้ว สุนัขพันธุ์นี้ถูกนำมาใช้ล่าสัตว์โดยเฉพาะในเขตภาคตะวันออกของประเทศไทย
นอกจากนี้มันยังถูกนำมาใช้เป็นสุนัขตามเกวียนและเป็นสุนัขเฝ้าบ้านอีกด้วย
เหตุที่สุนัขพันธุ์นี้ยังรักษารูปลักษณ์เดิมของมันไว้ได้เป็นเวลานานก็คือ
ระบบ คมนาคมในภาคตะวันออกของประทศไทยนั้นไม่ดี ทำให้การผสมข้ามพันธุ์เกิดขึ้นได้น้อยมาก
ลักษณะทั่วไป: สุนัขขนาดกลาง มีขนสั้น มีอานซึ่งเกิดจากขนอยู่บนหลัง
ลำตัวยาวกว่าความสูงที่หัวไหล่เล็กน้อย กล้ามเนื้อพัฒนาดี
และโครงสร้างภายในทั่วไปเหมาะกับการเคลื่อนไหว
สัดส่วนที่สำคัญ ความยาวของลำตัว ต่อ ขนาดความสูง (ที่
withers) = 11 ต่อ 10ความลึกของอก ต่อ ขนาดความสูง (ที่
withers) = 5 ต่อ 10 ความยาวของฃ่วงปาก ต่อ ความยาวของหัว
= 2 ต่อ 3
พฤติกรรม/อารมณ์ : อดทน และตื่นตัว ความสามารถในการกระโดดดีเยี่ยม
ส่วนหัว บริเวณกะโหลก: ด้านบนของหัวมีลักษณะแบนและลาดลงเล็กน้อยสู่ดั้งจมูกดั้งจมูก:
เห็นได้ชัดพอควร การหักมุมไม่มากเกินไป (ค่อนข้างแบน และมีร่องเล็กน้อย)
บริเวณหน้าใบหน้า: รูปลิ่ม
จมูก: สีดำ
สันจมูก: ตรงและยาว
ช่วงปาก: สุนัขสีน้ำตาล (fawn) อาจจะมีลักษณะปากมอม
ริมฝีปาก: ปิดสนิท ริมฝีปากตึงไม่ห้อยย้อย
ปาก: มีปานดำบนลิ้น
ขากรรไกร: ขากรรไกรบนหน้าหนาพอควร และ ขากรรไกรล่างแข็งแรง
ฟัน: ขาวและแข็งแรง ขบแบบกรรไกร
ตา: ขนาดกลาง รูป almond (คล้ายผลสมอ) ตาสีน้ำตาลเข้ม
ในพวกสีสวาด อนุโลมให้ตามีสีน้ำตาลอมเหลืองได้
หู: ตั้งอยู่ 2 ข้างด้านบนของหัว ทำให้หูอยู่ห่างกัน หูเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดหูค่อนข้างใหญ่
ตั้งและเอียงไปด้านหน้าเล็กน้อย ต้องไม่มีการตัดหู
คอ: มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ชูหัวให้สูง
ลำตัว
หลัง: แข็งแรง
เอว: แข็งแรง และ กว้าง
บั้นท้าย: มนปานกลาง
อก: ลึกถึงข้อศอก ซี่โครงโค้งได้รูป แต่ไม่ทำให้อกกลมรูปถัง
เส้นล่าง: ท้องเว้าขึ้น
หาง: โคนหางใหญ่แล้วค่อย ๆ เรียวสู่ปลาย ปลายหางยาวถึงส้นเท้า
(hockjoint) หางตั้งหรือโค้งคล้ายเคียว
ระยาง
ขาหน้า: ขาหน้าตรง
ขาหลัง: โคนขาใหญ่ เข่างอ ข้อขาหลัง (hock) แข็งแรงเล็บสีดำ
หรืออาจมีสีอ่อนจนเป็นสีน้ำตาลการก้าวเดิน: ก้าวเท้าโดยทำให้ลำตัวไม่กระเพื่อมมากหรือลำตัวเอียง
ซ้าย- ขวา
เดินเป็นแนวขนาน 2 แนว เมื่อมองจากด้านหน้าขาหน้าจะเคลื่อนขึ้นลงเป็นแนวตรงในลักษณะที่ไหล่
ข้อศอกและ ข้อขาหน้าเกือยอยู่ในแนวเดียวกัน เมื่อมองจากด้านหลังจะเห็นเข่าและข้อ
สะโพกเกือบอยู่ในแนวเดียวกัน เคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็นแนวตรง
โดยเท้าไม่สะบัดเข้าหรือ
ออก ช่วงการก้าวเท้ายาวมีแรงขับที่ดี ลักษณะทั่วไปของสุนัขที่เคลื่อนที่นั้นจะเป็นไปอย่างนุ่มนวล
และมีจังหวะที่สมดุลย์ดีผิว: อ่อนนุ่มและกระชับกับลำตัว
ขน
เส้นขน: สั้นและเรียบ อานเกิดจากเส้นขนที่เกิดขึ้นในแนวตรงข้ามกับเส้นขนปกติ
โดยอาน จะเริ่มบริเวณหัวไหล่ (withers) อานอยู่หลัง withers
แล้วยาวไปถึงบริเวณสะโพก อานควรเห็นได้ชัดเรียวและสมดุลย์กันทั้ง
2 ข้างของลำตัว นิยมพวกที่มีอานแคบ
สี: สีพื้น: น้ำตาลแดง (ยิ่งเข้มยิ่งดี), ดำ, และสวาด*
ขนาด: ความสูงที่หัวไหล่: เพศผู้ 24-26 นิ้ว, เพศเมีย
22-24 นิ้ว**
ข้อบกพร่อง: สิ่งที่ต่างไปจากลักษณะข้างต้นควรถือเป็น
ข้อบกพร่องและความร้ายแรงของข้อบกพร่องควรพิจารณาจากสัดส่วนความมากน้อยของข้อบกพร่องนั้น
การขบของฟันผิดไปจากการขบแบบกรรไกร
อานไม่สมดุล
ข้อบกพร่องชนิดไม่ตัดสิน: สุนัขไม่มีอาน: ขนยาว, ฟันผิดปกติ,
ฟันซี่ที่สำคัญขาด หางงอม้วน,ลูกอันฑะไม่มี, หูตกในกรณีที่สุนัขอายุเลย
6 เดือนไปแล้ว
* สีของสุนัขไทยที่ยื่นให้กับ FCI ยังไม่สมบูรณ์ ควรมีการปรับปรุงมาตรฐานพันธุ์ภายหลัง
** แต่ในปัจจุบัน สุนัขไทยในบ้านเราเพศผู้จะสูง 22-25
นิ้ว เพศเมีย 19-22 นิ้ว
หมายเหตุ: สุนัขเพศผู้ควรมีลูกอัณฑะทั้งสองลูกอยู่ในถุงอัณฑะ
มาตรฐานพันธุ์ ที่กล่าวมาข้างต้น คือข้อมูลซึ่งทาง DAT
(สมาคมผู้นิยมสุนัขแห่งประเทศไทย)ส่งให้ FCI รับรอง และ
FCI ได้ รับรองมาตรฐานพันธุ์สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน เป็นสุนัขพันธุ์แท้พันธุ์หนึ่งของโลก
เมื่อวันที่ 28 ก.ค 2536 ตามมาตรฐาน FCI หมายเลข 338/JUL.28,1993/GB
สุนัขไทยหลังอานเป็นสุนัขพันธุ์เดียวของไทยในปัจจุบันนี้
ที่ได้รับการรับรองโดยนานาชาติดังนั้น คนไทยทุกคนควรจะรักษาและพัฒนาสุนัขพันธุ์นี้ให้คงอยู่ไว้ตลอดไป
|