น.สพ.ทศพร นักเบศร์
เดือนนี้ น่าจะมีหมาเพศเมียหลายตัวครับที่จะออกลูก เนื่องจากว่า
เมื่อสองเดือนก่อนมีการจับคู่ผสมพันธุ์กันของหมาเยอะ จำได้ว่า
คราวที่แล้ว ผมได้เล่าให้ฟังถึงปัญหาของ การผสมพันธุ์ที่มักจะเกิดขึ้น
หวังว่าทุกท่านอ่านแล้วคงจะเข้าใจนะครับ และเมื่อทราบถึงต้นตอของปัญหา
เราจะได้หาวิธีการจัดการกับปัญหานั้นได้อย่างถูกต้อง
สมมุติว่า เราผสมหมาติดลูกแน่ ๆ ซึ่งการที่จะทราบนั้น เราต้องพาแม่หมาไปตรวจยืนยันการตั้งท้อง
โดยใช้วิธีการทำอัลตราซาวนด์ เมื่อแม่หมาตั้งท้องได้ 24-28
วัน ในช่วงนี้ เราสามารถที่จะมองเห็น ตัวอ่อนที่อยู่ที่ปีกมดลูกของแม่หมาได้
ถ้ามีกาารตั้งท้องเกิดขึ้น และจะมองเห็นครับว่า ลูกหมามีชีวิตหรือไม่ด้วยครับ
ถ้าไม่อยากทำอัตราซาวนด์ เราก็ต้องเลือกทำการเอกซ์เรย์แทน
ซึ่งต้องรอให้หมาตั้งท้อง 45 วันขึ้นไปครับ เราถึงจะมองเห็นโครงร่างที่ชัดเจน
ของลูกหมาที่อยู่ในปีกมดลูกชัดเจน
การตั้งท้องของหมานั้น ตัวอ่อนคือ ลูกหมาที่เกิดมาจะฝังตัวที่ปีกมดลูกทั้งสองข้างนะครับ
ไม่ใช่ที่ตัวมดลูกอย่างในมนุษย์เรา ทำให้หมาสามารถออกลูกทีละหลาย
ๆตัวได้ เพราะมีพื้นที่มากพอ ที่จะรองรับไข่ที่ผสมกับตัวน้ำเชื้อของหมาพ่อพันธุ์
เรียกว่า ธรรมชาติสร้างมาได้สอดคล้องกันจริงๆ ครับ อีกเรื่องหนึ่ง
ที่ผมมักจะได้ยินเสมอๆ คือ เรื่องการผ่าตัดเอาลูกหมาออกทางหน้าท้อง
ในกรณีที่แม่หมาเกิดปัญหาคลอดยาก มีการให้ข้อมูลว่า หมาที่ทำการผ่าตัดเอาลูกออกทางหน้าท้อง
จะมีปัญหาในการตั้งท้อง ทำให้อัตราการผสมติดลูกต่ำ และจะต้องผ่าคลอดทุกครั้ง
ถ้าเราคิดตามหลักความจริงแล้ว เราจะพบว่าเรื่องของการผ่าตัดเอาลูกออกทางหน้าท้อง
ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ การผสมพันธุ์ติดมากติดน้อยเลยครับ
เพราะบริเวณที่ทำการกรีดเอาลูกหมาออก ตอนผ่าตัดเป็นบริเวณตัวมดลูก
ซึ่งเป็นคนละตำแหน่งที่ตัวอ่อนฝังตัวครับ และเรื่องที่บอกว่า
เมื่อผ่าคลอดครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องผ่าอีก คงต้องบอกว่า
มันไม่ใช่อย่างที่พูดทุกกรณีนะครับ สถานการณ์ที่จะเกิด
มันอาจจะไม่เหมือนกันครับ การตัดสินใจผ่าตัด เป็นกรณีที่เลือกทางสุดท้ายครับ
เมื่อไม่สามารถช่วยวิธีอื่นได้แน่ๆ แหมพอเขียนมาถึงตรงนี้
ขอต่ออีกประเด็นครับ เกี่ยวกับเรื่องความกลัวโดยใช่เหตุของท่านเจ้าของ
เช่น ไม่ยอมพาหมาไปตรวจท้อง เพราะกลัวว่ารังสีเอกซ์เรย์
หรือคลื่นเสียงอัตราซาวนด์จะมีผลต่อลูกในท้องและจะทำให้แท้ง
กลัวว่า การขับรถแล้วสะเทือนจะทำให้หมาแท้ง กลัวว่า หมากระโดดจะทำให้แท้ง
เรื่องเหล่านี้มีให้ได้ยินเสมอครับ
เรื่องเอกซ์เรย์ หรือการทำอัตราซาวนด์ เป็นการที่สัตว์สัมผัสรังสี
หรือคลื่นเสียงเพียงแค่ชั่วครู่ และในปริมาณที่ปลอดภัย
จะไม่ส่งผลถึงตัวลูกหมาในท้องแน่นอน เพราะเครื่องมือ เหล่านี้
มีการทดสอบ และตรวจมาตรฐานความปลอดภัยสูงมาก ที่สำคัญ
หมอซึ่งเป็นคนตรวจ เค้าก็กลัว และตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองเหมือนกัน
ไม่มีใครหรอก ครับที่จะทำงานไปเสี่ยงไป เพราะเค้าต้องสัมผัสกับรังสีมากกว่าหมาของท่านแน่นอน
เพราะฉะนั้นการเกิดอันตรายเรื่องนี้ลืมไปได้เลยครับ เรื่องการกระโดดตกใจแล้วหมาแท้ง
นี่ก็อีกครับ หมาตั้งท้องจะมีการฝังตัวของตัวอ่อนที่ปีกมดลูกนั้น
การฝังตัวนั้นมันจะมีการยึดติดกันของตัวอ่อนกับแม่อย่างดีครับ
เรื่องที่กระโดดแล้ววิ่งแล้วลูกหลุดแท้งนั้น คงจะไม่จริงหรอกครับ
เพราะถ้าเป็นอย่างที่ท่านคิดจริง ๆ เราไม่ต้องมาเสียเวลาผ่าตัดคุมกำเนิดหมาแมว
เราก็เพียงแค่จับหมาแมวที่ตั้งท้อง มาเขย่าเช้า-เย็น มันจะได้แท้ง
กันหมด ไม่ต้องออกลูกมาให้มันมากมายอย่างที่เห็น การกระโดดของแม่หมาตั้งท้อง
ถ้าเราสังเกตดูนะครับ จะพบว่า มันจะกระโดดในช่วงท้องต้น
ๆเท่านั้น เพราะขนาดของตัวอ่อนยังเล็ก และไม่หนักไม่ถ่วงให้เค้าอึดอัด
ถ้าเวลาผ่านไปซัก 45 วันขึ้นไป เราจะพบว่า ท้องหมาจะขยายขึ้นมาก
และแม่หมาจะไม่ค่อยวิ่ง ไม่ค่อยกระโดด เพราะเค้าก็อึดอัดเหมือนกัน
หมามันรู้ตัวครับว่า มันต้องทำอย่างไร เพราะการที่มันจะแท้ง
มันต้องถูกแรงกระแทกที่รุนแรงมาก ซึ่งหมาก็ต้องเจ็บด้วย
และคงไม่มีหมาตัวไหน หรอกครับ ที่อยากจะแท้งลูก เพราะมันก็เจ็บเหมือนกัน
อ่านแล้วอย่าเพิ่งเชื่อนะครับ คิดก่อนดีกว่า ถ้าไม่เห็นด้วยเราสามารถคุยกัน
แลกเปลี่ยนความรู้กันได้อย่างเต็มที่จะดีมากๆ ครับ
นอกเรื่องตั้งนานครับ เรามาดูเรื่องของพฤติกรรมของหมาที่ตั้งท้องก่อนดีกว่าครับ
เพราะมีหลายท่าน ที่พยายามสังเกตว่า หมาที่ตั้งท้องมีการแสดงออกเปลี่ยนไปอย่างไร
เราถึงต้องเกริ่นกัน เรื่องการตรวจการตั้งท้องไปก่อน เพราะว่าในหมานั้นมีการเกิดท้องเทียมขึ้นได้
ท้องเทียมคืออะไร
ท้องเทียมคือ อาการที่แม่หมาแสดงออก เหมือนกับว่ามีการตั้งท้องเกิดขึ้น
โดยอาการดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลง ที่เราสามารถสังเกตได้ทั้งทางด้านพฤติกรรม
และสรีระวิทยา แต่ในความเป็นจริง หมาที่เป็นท้องเทียม
ไม่มีการตั้งท้องเกิดขึ้นครับ
สาเหตุของเรื่องท้องเทียมนั้น เราไม่ทราบแน่ชัด พบเพียงว่า
เกิดภาวะที่ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีระดับสูงมากในร่างกายสัตว์
และมักจะเป็น หลังจากที่หมาเป็นสัด สิ้นสุดลง 6-8 สัปดาห์
อาการที่แสดงออกนั้น ด้านพฤติกรรมจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น
หมาจะขุดดินทำรัง จะเลือกสถานที่เพื่อทำรังคลอด มีการหวงอาณาเขต
มีการนอนกกของ อาจจะเป็นของเล่น อาจเป็นตุ๊กตา คล้ายกับว่า
กกลูกอย่างไรอย่างนั้นครับ การเปลี่ยนแปลง ที่แสดงออกมาทางสรีระวิทยา
ที่เราจะพบได้ในหมา ที่มีอาการท้องเทียมคือ การขยายตัวของช่องท้อง
การบวมตัวของเต้านม มีการหลั่งของน้ำนมออกมา ซึ่งทั้งมวล
จะเห็นว่า มีอาการเหมือนหมาที่ตั้งท้องจริง ๆ มาก ถ้าเราไม่ทำการตรวจโดยการทำอัตราซาวนด์
หรือเอกซ์เรย์ มีหวังนั่งลุ้นกันเหงือกแห้ง แถมฝันสลายที่จะได้อุ้มลูกหมา
เพราะที่แท้มันเกิดท้องเทียมนั่นเองครับ
การแก้ปัญหาท้องเทียม จะทำอย่างไร
ท้องเทียมมันเกี่ยวพันกันสองปัญหาครับ เรื่องของพฤติกรรม
และเรื่องของร่างกาย และที่สำคัญไม่ใช่อาการที่เจ็บป่วย
และไม่ใช่โรค เป็นเรื่องของสภาพร่างกายหมา ที่เปลี่ยนแปลงไปในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
เราอาจจะปล่อยเลยไปก็ได้ เพราะไม่นานระดับฮอร์โมนในร่างกายหมา
ก็จะเป็นปกติเองโดยปกติประมาณ 6 สัปดาห์ครับ อาการดังกล่าวจะหายไป
แต่ถ้าท่านรำคาญ ที่หมามีน้ำนมหยดไหล ขุดดิน นอน กกของเล่นทั้งวัน
เราก็สามารถนำไปพบสัตวแพทย์ได้ครับ เพราะมียาที่รักษาอาการท้องเทียม
เหมือนกัน
เป็นอันว่าเข้าใจนะครับว่า หมามีการเกิดท้องเทียมได้ และอาการที่แสดงออก
จะเหมือนกับการตั้งท้องมาก เราอย่าใช้การสังเกตด้วยตาเลยครับ
พาหมาไปตรวจให้รู้เรื่องรู้ราว ดีกว่า มีหลายท่านกลัวแพงอีก
จริง ๆ แล้วการทำอัตราซาวนด์ และการเอกซ์เรย์ในสัตว์นี่ถูกมากนะครับ
เพราะเครื่องมือดังกล่าว เป็นชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในมนุษย์เรา
เครื่องอัตราซาวนด์ก็เหยียบล้านบาทครับ เรียกว่าทั้งปีใช้ทียังไม่คุ้มค่าเสื่อมเลยครับ
เรามาดูเรื่องพฤติกรรม ที่เรามักจะพบในหมาที่เพิ่งออกลูกอีกอย่างดีกว่าครับ
ผมขออวยพรให้หมาทุกตัวที่เจ้าของตั้งใจเลี้ยง และรักจริงผสมพันธุ์ติดทุกตัว
ได้ลูกดกตามที่หวัง หลังจากที่หมาออกลูกแล้ว มีปัญหาพฤติกรรมอีกอย่างครับ
ที่แม่หมามักจะทำปัญหานี้ ดูเหมือนจะมีมากขึ้นครับ เพราะมีคนโทรศัพท์มาปรึกษาเรื่องการเลี้ยงดูลูกหมามาก
เช่นกัน เมื่อสอบถามว่า ทำไมไม่ให้แม่หมาเลี้ยงดูเองล่ะครับ
ทุกท่านตอบว่า แม่หมาไม่สนใจ เลี้ยงไม่เป็น ไม่ให้นม รำคาญ
เหยียบและทับลูกมากที่สุด รองลงมาก็แม่หมา ไม่มีน้ำนมให้
รองลงมาก็แม่หมาไม่สบาย เต้านมอักเสบ
เราคุยกันเรื่อง การไม่ใส่ใจดูแลในตัวลูกหมา ของแม่หมาก่อนดีกว่าครับ
หมาที่มีปัญหามากที่สุด ที่มีคนโทรศัพท์เข้ามาคุย คือ
หมาบูลด็อก รองมาก็พูเดิ้ล อาการที่จะเป็น คือ ไม่สนใจลูก
ไม่ให้กินนม ไม่กกลูกแถมบูลด็อก มักจะนอนทับลูกอีก ทำให้เกิดการเสียชีวิตของลูกหมา
เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ โดยปกติแล้ว แม่หมาทุกตัวที่ให้กำเนิดลูกหมา
ออกมา มันสามารถเรียนรู้ทุกอย่างโดยตัวมันเอง เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ
การกกลูก การเลียลูก การกัดรก ทุกอย่างไม่ต้องมีใครบอกครับ
มันทำเป็นเอง หมาที่เป็นปัญหา มักจะเป็นหมาที่เราเลี้ยง
อยู่ใกล้ชิดมนุษย์มาก ๆ จากการสอบถาม บางตัวนอนกับเจ้าของตลอด
ไปไหนไปด้วย รู้เรื่องทุกอย่าง ซึมซับพฤติกรรมมนุษย์ไปมาก
สัญชาติญาณ ที่เคยมีตามธรรมชาติจึงหมดลงไปเรื่อย ๆ หรือเปล่าเรื่องนี้น่าคิดมากครับ
นอกจากนี้ มีการศึกษาหมาที่ตื่นกลัวง่าย มีอาการกระสับกระส่ายเสมอ
เวลาที่มีการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ทำให้หมาไม่มีสมาธิที่จะดูแลลูก
และมักจะทำให้ลูกหมาตายเสมอ ผมลองนึกถึงเรื่องของสายพันธุ์หมา
ที่มีการรายงานเรื่องการดูแลเอาใจใส่ เรื่องการเลี้ยงดูลูกหมาที่เกิดใหม่เก่ง
อย่างโกลเด้น รีทีฟเวอร์ ลาบราดอร์ รีทีฟเวอร์ รอทไวท์เลอร์
สังเกตว่า เป็นหมาใหญ่ทั้งนั้น พฤติกรรมการเลี้ยง การเล่น
ย่อมต่างจากหมาพันธุ์ทอย หรือแม้หมาบูลด็อกอย่างชัดเจน
หมาพันธุ์ใหญ่ จะไม่ถูกประคบประหงมจากเจ้าของ มากเท่าหมาพันธุ์เล็ก
สัญชาติญาณที่หมามีอยู่ ย่อมมีสูงกว่าหมาที่ถูกเลี้ยงดูจากมนุษย์
เราดูง่ายอีกอย่างครับ หมาข้างถนน แหมมันเลี้ยงลูกเก่งมากเลย
ทั้งหวง ทั้งห่วง เรียกว่าให้นมจนตัวมันผอม ก็มีให้เห็นบ่อย
ๆ ครับ ทำให้ประเด็นที่เราคิดว่า มนุษย์เรามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับความผันแปร
ทางพฤติกรรมของหมาเรื่องการเลี้ยงดูลูก ยิ่งมีน้ำหนัก
มากขึ้น
lเราจะจัดการกับหมา ที่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกอย่างไร
สังเกตก่อนครับ หมาที่เราคิดว่ามีปัญหาเรื่องการเลี้ยงลูกที่เกิดขึ้นเมื่อการตั้งท้องคราวที่แล้ว
จะเกิดอีกหรือไม่
อย่าเพิ่งแยกลูกหมาออกมาก่อน เพราะแม่หมาอาจจะเลี้ยงเองได้
การที่หมาอยู่ในรังกกลูกที่สะอาด สงบ มีอาหารการกินพร้อม
ปราศจากความหวาดกลัว จะช่วยลดความวิตกกังวลของหมาได้มาก
เราต้องจัดสถานที่ออกลูกให้ดีครับ
ถ้าเลี้ยงไม่ได้แน่ ๆ ต้องแยกเอาลูกหมามาเลี้ยงครับ เหนื่อยมากเหมือนกันครับในระยะ
2 สัปดาห์แรก
เพราะลูกหมาต้องกินนม 2 ชั่วโมงครั้ง เรียกว่า ป้อนกันหมดแรงแน่
ๆ
|