ในฉบับนี้ ท่านผู้อ่านที่เคยสงสัยคงจะหายสงสัยกันซักทีนะคะ เรามาไขข้อข้องใจกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าทำไม? คุณหมอทั้งหลายจึงแนะนำให้ตรวจเลือด เหตุผลก็คือ ในกรณีที่สุนัขป่วย การตรวจเลือดนั้น จะช่วยสัตวแพทย์ประเมิน และวินิจฉัยโรคได้มากขึ้นว่า สุนัขกำลังป่วยด้วยสาเหตุใด เพราะอาการป่วย ที่แสดงออกมานั้น จะเป็นเพียงอาการขั้นต้น ยังมีโรคอีกมาก ที่อาจจะแฝงไว้ในตัวสัตว์ โดยไม่มีการแสดงอาการใดๆ ออกมา ซึ่งการตรวจร่างกายทั่วๆ ไป ยังไม่เพียงพอต่อการวินิจฉัยโรค จะช่วยได้บ้าง แต่ยังไม่สามารถระบุลงไป ได้อย่างแน่นอนว่า ป่วยจากโรคใดกันแน่ แต่เมื่อมีการตรวจเลือดแล้ว ก็เหมือนกับว่า สัตวแพทย์ได้เดินถูกทางคือ สามารถรักษา ได้ตรงตามโรค เนื่องจากยังมีโรคอยู่หลายโรค ที่สามารถวินิจฉัยว่า เป็นโรคนั้นได้ก็ต่อเมื่อมีการตรวจเลือดเพียงเท่านั้น เช่น พวกโรคปรสิต (พยาธิ) ในเม็ดเลือดต่างๆ โรคพยาธิหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน หรือโรคที่เกิดจาก ความผิดปกติของระบบฮอร์โมนในร่างกาย โรคพวกนี้ส่วนมากแล้วเป็นโรคที่รุนแรง ถ้าได้รับการรักษา ที่ช้าเกินไป ก็มีอันตรายต่อสุนัขถึงชีวิตได้ทีเดียวแหละค่ะ

ข้อดีของการตรวจเลือด มิใช่มีเพียงแค่นี้ การตรวจเลือดนั้น ยังช่วยประเมินสภาพร่างกายของสัตว์ป่วยด้วยว่า มีสภาพร่างกายพอที่จะสามารถต่อสู้กับโรค ที่เป็นอยู่ได้ไหม ส่วนในกรณีที่ สุนัขปกติดียังไม่แสดงอาการป่วยใดๆ แต่เริ่มจะมีอายุมากแล้ว การตรวจเลือดก็จะช่วยลดการเสี่ยงต่อโรค ที่อาจเกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของร่างกาย เป็นการตรวจสุขภาพ ให้กับสุนัขอีกทางหนึ่ง เห็นไหมคะว่า การตรวจเลือดมีประโยชน์มากมายแค่ไหน แต่อย่างว่านะคะ ท่านผู้อ่านทุกสิ่งในโลกนั้น ไม่มีอะไรดีเลิศ ไปหมดทุกอย่าง เช่นเดียวกันการตรวจเลือดก็ย่อมมีข้อเสียค่ะ คือ ผลของการตรวจเลือด อาจจะมีการผิดพลาดได้บ้าง จากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สภาวะความ เครียด อาหารที่ได้รับ หรือการใช้ยาในขณะที่มีการเจาะเลือดไปตรวจ และจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการตรวจเลือดมากขึ้นกว่าเดิมซะหน่อย

ต่อมาเราก็จะไปดูกันว่า เมื่อนำเอาเลือดไปตรวจแล้วเค้าตรวจอะไรกันบ้าง ในการตรวจเลือด จะแบ่งได้เป็น 3 ส่วน

ส่วนแรกเป็นการตรวจทางโลหิตวิทยา (Hemaistry) ซึ่งจะบอกความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด

ส่วนที่สองเป็นการตรวจหาพวกปรสิตที่อยู่ในเม็ดเลือด หรือที่อยู่ในเลือดโดยตรง เช่น พวกตัวอ่อนของพยาธิหัวใจ